วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

แมวพันธุ์แมงซ์ (Manx)

แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ค่ะ  แต่โดยภาพรวมของแมวแมงซ์นี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่หางของมันซึ่งไม่เหมือนกับพันธุ์แมวอื่น ๆ อย่างแน่นอน เป็นอย่างไรนั้นมาทำความรู้จักกับมันหน่อยดีกว่า





  • ถิ่นกำเนิด  ประเทศอังกฤษ
  • สายพันธุ์   เป็นแมวที่เกิดจากการกลายพันธุ์  โดยตอนแรกนั้นมันเป็นแมวสายพันธุ์แมวบ้านนี่แหละค่ะที่เกิดบนเกาะอังกฤษ  แล้วกลายพันธุ์จนทำให้หางมันหดสั้นลงเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นแมวสายพันธุ์แมงซ์ขึ้น
  • ลักษณะ    เป็นแมวขนาดกลาง ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้คือมีขาหลังที่ยาวกว่าขาหน้า  หัวกลม และหางสั้นมากจนถึงบางตัวดูเหมือนไม่มีหาง  ดูไปดูมาแมวพันธุ์นี้มีลักษระคล้ายกระต่ายเลยค่ะ มีทั้งพันธุ์ขนสั้นและขนยาว


  • อุปนิสัย   เป็นแมวที่ชอบเข้าสังคมและอยู่กับผู้คนได้ดี  แต่มันจะขี้อายกับคนแปลกหน้า  สายพันธุ์นี้เป็นแมวที่ฉลาดมากระดับ 5 ดาวและขี้เล่นคล้ายนิสัยของสุนัข  เป็นแมวที่สามารถเรียนรู้คำสั่งได้ดีกว่าแมวหลายสายพันธุ์เป็นอย่างมากเลยด้วยค่ะ
  • การดูแล  แมวแมงซ์ต้องการแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเพื่อกำจัดขนที่ตายแล้วออกไป  การดูแลตัดเล็บ แปรงฟันและพาไปพบสัตวแพทย์เหมือนแมวปกติ  แต่ปัญหาเรื่องสุขภาพอาจจะเกิดกับสายพันธุ์นี้ได้เพราะมักมีปัญหากระโรคสันหลังบกพร่องจากการกลายพันธุ์ของมัน ทำให้เกิดการสั่งการกับระบบประสาทที่ผิดปกติ  และลูกแมวพันธุ์แมงซ์ที่เป็นโรคนี้จะตายภายใน 6 เดือน เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้แมวที่มีใบรับประกันแล้วละก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นไปหรอกค่ะ



ราคาแมวพันธุ์นี้หาในเว็บไทยเท่าไหร่ก็หาไม่เจอค่ะ  สงสัยเพราะเป็นแมวที่หายากและการเกิดโรคกับลูกแมวก็มีโอกาสสูงจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนไทยรับเอามาเพาะพันธุ์ขายสักเท่าไหร่มั้งค่ะ  แต่อยากจะทดสอบความฉลาดของแมวพันธุ์นี้จัง  สงสัยคงต้องไปทดสอบกันไกลถึงต่างประเทศเลยละค่ะ
                                         อเมริกันขนสั้น
           (อังกฤษ: American Short Hair)










สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณภาพประกอบจาก en.wikipedia.org

          หากคุณกำลังมองหาแมวที่จะนำมาเป็นเพื่อนที่ดีของเด็ก ๆ ตัวใหญ่ ใจดี น่ากอดอยู่ล่ะก็ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair)  เป็นแมวพันธุ์ที่มีความเหมาะสมอย่างมาก แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้กันถึงความอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ดูดี มีลักษณะที่สงบ ทั้งยังเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากในวงการโฆษณาและวงการบันเทิง จึงไม่แปลกเลยว่า American Shorthair จะเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งซึ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกแห่งแมว 

          ทั้งนี้ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair) เป็นแมวสายพันธุ์ของอเมริกา บรรพบุรุษมาจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรกและมาแพร่พันธุ์ยังอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ โดยแมวถูกนำลงเรือไปด้วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของ ต่อมาแมวมีการผสมพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายไปเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาเหนือ ความสวยและน่ารักของมันได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เช่นเดียวกับกับความสามารถในการจับหนูของมัน ตามข้อมูลระบุว่า แมว tabby (ลายเสือ) American Shorthair เคยถูกเสนอขายในราคาถึงกว่า $2,500 ในงานประกวดแมวประจำปีในปี 1896

          ต่อมา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แมวสายพันธุ์ต่างประเทศได้ถูกนำเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา (แมวขนยาวกับแมววิเชียรมาศ) เพื่อผสมกับแมวพื้นเมืองขนสั้น และได้ให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะขน ลำตัว สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป ใครก็ตามที่ต้องการรักษาแมวสายพันธุ์ American Shorthair ต้องมีตัวอย่างสายพันธุ์แมวที่บริสุทธิ์ และเริ่มที่ผสมกับแมวที่ได้รับการเลือก เพื่อจะรักษาลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ หน้าที่สวยงาม ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน และในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะรูปแบบและสีสันของ American Shorthair อย่างที่เป็นทุกวันนี้  และกลายเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยง

          ในปี 1966  จากเดิมที่เรารู้จักกันในแมวที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป (Domestic Shorthair) แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อเสียใหม่ว่า American Shorthair เพื่อให้เป็นตัวแทนของลักษณะแมวของอเมริกาและเพื่อให้แตกต่างจากแมวขนสั้น สายพันธุ์อื่น ๆ ชื่อ American Shorthair เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นแมวขนสั้นพันธุ์ดั้งเดิมในอเมริกาเหนือ ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแมวที่หาได้ตามท้องถนนทั่วไป



ลักษณะสายพันธุ์ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น

          แมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ มีลักษณะสีขนและรูปร่างมากกว่า 80 แบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ shaded silvers สี smoke และสี camero รวมทั้งสี calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ สีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสี silver tabby โดยจะมีลายสีดำเข้ม พลาดอยู่บนพื้นสีเงิน (ลายเสือ) 

          สำหรับรูปร่างของแมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวโต มีกล้ามเนื้อแข็งแรง มองเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ใบหูมีขอบเป็นทรงกลมมน ส่วนหัวมีลักษณะรูปไข่ ดวงตากลมโต มีสีเขียวมรกต

          ลักษณะนิสัยของ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Short Hair) เป็นแมวที่ช่างสงสัย นิสัยร่าเริง ชอบเล่นไปเรื่อย ๆ มีเสน่ห์ แต่จะฝึกค่อนข้างยาก ไม่เหมือนสุนัขที่ฝึกง่าย ดังนั้น จะต้องคลุกคลีกับแมวให้มาก ๆ ในขณะที่การดูแลก็จะทำเป็นอย่างดี พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ

          ส่วนปัญหาของแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราและเป็นหวัด ถ้าหากเจ้าของให้การดูแลไม่ดีก็จะเลี้ยงลำบาก ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

แมวชอซี (Chausie)


แมวพันธุ์ชอซี Chausie แมวพันธุ์ชอซี เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง แมวบ้านกับเสือกระต่าย

























Turkish Angora
แมวเทอร์คิงแองโกร่า



              แมวเทอร์คิชแองโกร่า (Turkish Angora) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี ที่ได้รับชื่อ Angora ต่อท้าย เนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจากเมืองแองโกรา เป็นแมวพันธุ์เก่าแก่  ที่มีมาตั้งแต่สมัย ค.ศ.1600 แมวแองโกร่าเป็นแมวที่มีมีความคล่องแคล่ว เฉลียวฉลาด และมีความผูกพันกับมนุษย์ จึงมักถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวมนุษย์










ถิ่นกำเนิด  เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งจากเมืองแองโกลา ประเทศตุรกีปัจจุบันเมื่องนี้ ชื่อ Ankara มีขนคล้ายเส้นไหมหนาเหมือนขนแกะแองโกลา ขนละเอียดเงาเป็นมันวาว ปี 1963 สวนสัตว์เมือง Ankara ได้มอบแมวพันธุ์นี้นำเข้าสู่อเมริกา  1 คู่ อีกปี ต่อมาได้มีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นในอังกฤษ







ลักษณะ  เป็นแมวตัวยาว ขนสีขาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกในตากลมรี ขายาว อุ้งเท้าค่อนข้างเล็กกลมมน สะโพกใหญ่เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อมอย่างแรง ขนหน้าท้องดก นิ้วเท้าและปลายหูจะมีขนเป็นจุก นัยน์ตาสีน้ำเงิน สีอำพัน หรืออาจเป็นสีใดสีหนึ่ง หรือตาสองสีในตัวเดียวกัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปากและจมูกจะเป็นสีชมพู








แมวพันธุ์แร็กดอลล์ (Ragdoll)



          จากที่ได้กล่าวไปในครั้งที่แล้วว่าพ่อของเจ้าทาร์ดเนี่ยหน้าตาเป็นยังไง  วันนี้ก็จะได้มารู้จักกับมันสักที  แมวพันธุ์แร็กดอลล์ เนี่ยดู ๆ ไปแล้วหน้าตามันคล้าย ๆ กับเจ้าสัตว์แรคคูนนะ อันนี้คิดเองนะคะไม่มีทฤษฎีที่ถูกต้องนะ = = " ว่าจากชื่อของมันเนี่ยน่าจะมาจาก Raccoons + Doll = Ragdoll  รึเปล่า (มั่วเจง ๆ ) ทำไมถึงคิดอย่างนั้นนะเหรอ  ถ้างั้นก็มาทำความรู้จักกับประวัติของเจ้า Ragdoll กันเลยดีกว่าจะได้กระจ่างแจ้งกันเลย

ให้ทายตัวไหนเจ้าแมว Ragdoll

วัติพัธุ์ Ragdoll

หน้าตาของผมมันช่างหล่อเฟี้ยวววว
  • ถิ่นกำเนิด  จากประเทศอเมริกา (America)
  • ลักษณะ    เป็นแมวที่มีโครงร่างขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรง มีตาสีฟ้าสวยงาม มองแล้วเคลิ้มเชียว ขนจะหนาแน่นเป็นปุยมากในบริเวณเอว ที่หางมีขนยาวชัน  ถ้าสังเกตุที่บริเวณอุ้งเท้าไปจนถึงช่วงขาของมันจะเป็นสีขาวจนดูเหมือนกับสวมถุงเท้าตลอดเวลา 

หนูมีถุงเท้าส่วนตัวถอดออกไม่ได้สักทีค่ะ

  • การดูแล  ด้วยความที่เป็นแมวขนยาวแล้วชอบเลียขนเพื่อทำความสะอาด ทำให้แมวพันธุ์นี้มักป่วยจากการเกิด Hairball (ขนที่จับตัวเป็นก้อนกลมในกระเพาะ อันเกิดจากการเลีย) ในท้องสูง  เจ้าของที่เลี้ยง แมว Ragdoll ควรใส่ใจในการแปรงขนให้มัน และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์กันด้วยนะคะ เจ้า Ragdoll จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ
  • อุปนิสัย     เป็นแมวผู้ดีชอบความเงียบสงบ มีเสียงร้องที่เบามาก และเวลาอุ้มจะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเลยก็คือจะเมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม่มีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายา ขนาดนั้นเชียวดูกันเอาเองละกัน

แมวทอยเกอร์ (Toyger) เหมือนเสือที่สุดในโลก


แมวพันธุ์ทอยเกอร์  (Toyger)

     จากชื่อแมวพันธุ์ทอยเกอร์นี้ก็น่าจะพอเดา ๆ น่าตากันได้ว่ามันเป็นอย่างไร ชื่อของมันมาจากคำว่า Toy +Tiger เหมือนลักษณะอันโดเด่นของเจ้าแมวพันธุ์นี้

ลักษณะสวยงามถูกต้องตามแบบทุกประการ

ประวัติของแมวพันธุ์ Toyger

          เป็น แมวสายพันธุ์ หนึ่งที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Judy Sudgen เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาอนุรักษ์เสือป่ากันมากยิ่งขึ้น 
  • เกิดจาก   การผสมกันระหว่างพันธุ์ Domestic shorthair กับพันธุ์ Bengal
  • ลักษณะ  เป็นแมวขนาดกลาง ลายบนตัวมันเป็นแนวตั้งล้อมรอบตัวเป็นลายที่มีไม่สม่ำเสมอ มีรอยที่คอ ขาและหาง  ที่สำคัญคืออุ้งเท้าและปลายหางจะต้องเป็นสีดำ

ลูกผมเองครับ (เอ๊ย !! ไม่ใช่ละ)

  • อุปนิสัย เป็นแมวที่เป็นมิตร ขี้เล่น ไม่ได้ดุร้ายเหมือนหน้าตาของมันนะคะ และถือว่าเป็นมากที่ฉลาดสายพันธุ์นึงเลยทีเดียว  ถ้าคุณรู้จักฝึกมันจะสามารถทำตามได้

หนูจะวาดรูปโมนาลิซ่าค่ะ

  • การดูแล แมวพันธุ์นี้ดูแลได้ง่ายมาก  เพราะด้วยความที่มันมีขนสั้น แมวพันธุ์นี้ควรแปลงฟันและตัดแต่งเล็บให้มันด้วยนะคะ ปัญหาด้านสุขภาพของเจ้า Toyger ค่อนข้างน้อย

รับไปเลี้ยงสักตัวไหมครับ

       แมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นที่รู้จักกันน้อยมากในไทย  แต่ถ้าใครสนใจอยากจะรับเลี้ยงไว้สักตัวก็พอหาได้ค่ะ ราคาตกอยู่ราว ๆ 5,000 บาทขึ้นไป  ถ้าใครมีไว้ครอบครองคงจะเฟี้ยวน่าดูเลยนะคะ ก็มันทั้งสวยแล้วก็แตกต่างซะขนาดนั้น
                               เปอร์เซียน (Persian)







 แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย

           แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian

 ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น 

           อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้

            1.Solid colour  ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

            2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

            3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

            4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

            5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

            6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

            7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส

 อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์ 

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย

           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้

 โรคและวิธีการป้องกัน

           โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา 

           เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ 

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป

                                        Ashera


แมวอาชีร่า (Ashera)เป็นแมวพันธุ์ใหม่ที่คิดค้นผสมพันธุ์โดยทีมงานบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค ผสมระหว่างแมวป่าแอฟริกัน (African Surval) แมวเสือดาวเอเชีย (Asian Leopard Cat) และแมวบ้าน มีน้ำหนักมากที่สุดได้ถึง 13.6 กิโลกรัม เป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของเหล่าไฮโซในอเมริกา ราคาของมันจึง "ไฮ" ตามเงินในกระเป๋าของเจ้าของไปด้วย คือสนนราคาเริ่มต้นที่ 22,000 ดอลลาร์ หรือราว 770,000 บาท ส่วนแมวอาชีร่าตัวที่ป้องกันการแพ้ขนแมวได้นั้นเริ่มต้นที่ราคา 28,000 ดอลลาร์ หรือ 980,000 บาท 

          ไซมอน โบรดี้ ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวบอกว่า  ว่าจ้างทีมนักพันธุกรรม พัฒนาแมวอะชีราให้ห้องทดลองที่สหรัฐ การจะได้แมวสักตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะผู้อยากเป็นเจ้าของจะต้องรอประมาณ 1 ปี ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะขายแมวได้ปีละประมาณ 50 ตัว 

          สำหรับ แมวอาชีร่า รูปร่างคล้ายกับแมวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่ตัวใหญ่กว่าและมีลักษณะคล้ายกับเสือดาว ถ้ามันยืน 2 เท้า จะสูงถึง 120 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปี แมวอาชีร่า เป็นแมวที่เลี้ยงง่ายมาก เป็นมิตรมาก ไม่หนีหน้าไปไหน แถมยังร้องเหมียว ๆ อ้อนอยู่บ่อย ๆ และที่เด็ดสุด คือเปิดประตูก็ได้และยังผูกสายจูงให้เจ้านายพาไปเดินเล่นได้อีกต่างหาก มันจึงเหมือนสุนัขมากกว่าอะไรทั้งหมด 

แมวอาชีร่า

          นอกจาก แมวอาชีร่า แล้ว ยังมีแมวพันธุ์ใหม่ เช่น ทอยเกอร์ ซึ่งผสมจากเสือเบงกอลและแมวบ้าน แมวโชซี่ เกิดจากแมวป่าผสมแมวบ้านและแมวซาวานาห์ที่เกิดจากแมวป่าแอฟริกันและแมวบ้าน 

แมวทราย  (Sand cat)


           สำหรับคำจำกัดความย่อ ๆ ของแมวทราย (Sand cat) นั้นกล่าวได้ว่าเป็นแมวป่าขนาดเล็กกระจายอยู่ตามทะเลทรายแอฟริกาและเอเชีย มีขนาดลำตัวยาว 39-57 เซนติเมตร หนัก 1.4-3.4 กิโลกรัม มีขนยาวที่เพิ่มขึ้นระหว่างนิ้วเท้า สามารถอาศัยอยู่ได้ในอุณภูมิตั้งแต่ -ถึง 52 องศาเซลเซียส สามารถอดน้ำได้เป็นเดือนโดยอาศัยน้ำที่อยู่ในอาหารเท่านั้น  ได้ยินกันขนาดนี้แล้วก็คงอยากรู้ข้อมูลอย่างละเอียดแล้วใช่ไหมคะ 





  • ถิ่นที่อยู่อาศัย  กระจายอยู่ทั่วไปตามทะเลทรายแอฟริกาและเอเชีย โดยพบมากในแถบทะเลทรายซาฮารา  ทะเลทรายอราเบียน  ทะเลทรายแถบอิหร่านและปากีสถาน
  • สายพันธุ์   เป็นแมวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  ชื่อเต็มของมันก็คือ Feris magarita เป็นสัตว์ตระกูลแมวชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย
  • ลักษณะ     แมวทรายเป็นที่มีขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ตัวผู้ตัวเต็มวัยมีน้ำหนักเพียง 2.1-3.4 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียหนัก 1.4-3.1 กิโลกรัม   ลำตัวสีน้ำตาลซีดจนถึงเทาอ่อน ขนแน่น หนานุ่ม บริเวณหลังเข้มขึ้นเล็กน้อย หน้าท้องซีดจาง มีลายริ้วจาง ๆ ตามลำตัวและขา มีเส้นสีน้ำตาลแดงพาดที่แก้มตั้งแต่หางตา ครึ่งล่างของหน้าและหน้าอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ใบหูใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเรียว สีน้ำตาลอมแดง ปลายหูสีดำ ใบหูอยู่ห่างกันและค่อนมาทางข้างหัว ปลายหางมีปล้องบาง ๆ หลายปล้อง ปลายหางสีดำ ใบหน้ากว้าง ดวงตาใหญ่ อุ้งตีนมีขนยาวหนาแน่นปกคลุม
      แมวทรายเป็นแมวที่เกิดมาเพื่ออยู่ในทะเลทรายอย่างแท้จริง ขนที่คลุมอุ้งตีนช่วยป้องกันความร้อนจากพื้นดินและช่วยเก็บเสียงขณะเดินบนพื้นผิวที่หยาบร่วน เมื่อเดินบนทรายจะแทบไม่ปรากฏรอยตีนเลย ประสาทหูไวมาก เหมาะสำหรับการหาเหยื่อในพื้นที่ที่เหยื่อหายาก คาดว่าแมวทรายได้ยินเสียงอัลตราโซนิกจากเหยื่อที่อยู่ใต้ดินได้เช่นเดียวกับเซอร์วัล




  • อุปนิสัย    แมวทรายปีนป่ายและกระโดดไม่เก่ง แต่เป็นยอดนักขุด ทักษะการขุดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพในสถานที่ของแมวชนิดนี้  เพราะต้องใช้ในการขุดโพรงเพื่อพักผ่อนและหาเหยื่อ อุ้งเล็บไม่คมมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะการอาศัยในทะเลทรายจึงไม่มีโอกาสได้ฝนเล็บบ่อยนัก เวลาเดินบนพื้นที่โล่ง จะเดินย่องต่ำ ๆ หูที่ใหญ่ช่วยในการค้นหาเสียงจากความเคลื่อนไหวอันแผ่วเบาได้เป็นอย่างดี เหยื่อของแมวทรายได้แก่ เจอร์บิล เจอร์บัว โวล กระต่ายป่า นก สัตว์เลื้อยคลาน และแมลง ศัตรูตามธรรมชาติได้แก่งูพิษ หมาจิ้งจอก และนกเค้าแมวขนาดใหญ่
      แมวทรายหากินเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโพรงตื้น ๆ ที่ขุดไว้ตามเนินทราย ในดงไม้แคระ หรืออาจนอนอยู่ไม่ไกลจากปากโพรง โดยนอนหงายหลังซึ่งเป็นท่านอนที่ระบายความร้อนได้ดี แมวทรายแต่ละตัวอาจยืมรังใช้กันได้ เมื่อตกค่ำ แมวทรายจะซุ่มสังเกตการณ์อยู่ปากโพรงประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะออกจากโพรงไป แต่ละคืนแมวทรายจะเดินทางเฉลี่ย 5.4 กิโลเมตร เมื่อกลับมาที่รังในตอนรุ่งสางก็จะมาซุ่มสังเกตการณ์ที่ปากโพรงอีกครั้งก่อนจะเข้ารังนอน



  • ทางชีววิทยา   ในทะเลทรายซาฮารา ลูกแมวทรายมักเกิดในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ในเติร์กเมนิสถานลูกแมวเกิดในเดือนเมษายน ในปากีสถานมักเกิดในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ส่วนในแหล่งเพาะเลี้ยงไม่มีฤดูผสมพันธุ์ที่แน่นอน

             ตั้งท้องนานประมาณ 60-69 วัน ออกลูกคราวละ 1-8 ตัว ปกติ 2-3 ตัว ออกลูกในโพรงหรือหลืบหิน ลูกแมวแรกเกิดหนัก 50-60 กรัม ลืมตาได้เมื่ออายุได้สองสัปดาห์ ลูกแมวทรายพัฒนาเร็วมาก หลังจากเกิดก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 12 กรัม เริ่มออกจากรังได้เมื่ออายุได้ 3-4 สัปดาห์ กินอาหารแข็งได้เมื่ออายุได้ 5 สัปดาห์ เมื่ออายุได้ 3-4 เดือนก็แยกจากแม่ไปหากินเองได้แล้ว และจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ได้เมื่ออายุได้ 9-14 เดือน ในแหล่งเพาะเลี้ยงมีอายุได้ถึง 13 ปี


           แมวทรายจัดว่าเป็นสัตว์ที่หายาก และไม่ค่อยพบการนำมาเลี้ยง  แต่ความหายากของมันก็ไม่ได้หมายความว่าแมวพันธุ์นี้จะสูญหายไปได้ง่าย เพราะการที่มันอยู่ในที่ทุรกันดารแช่นนี้จึงทำให้มันปลอดภัยจากอันตรายได้มากพอสมควร  และคนท้องถิ่นยังมีความเชื่ออีกด้วยว่าแมวชนิดนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของศาสดามูฮัมเม็ดและลูกสาว จึงไม่ถูกล่าจากคนท้องถิ่น  ถ้าอยากเห็นตัวจริงเชื่อว่าตามสวนสัตว์น่าจะมีให้เห็นอยู่นะคะ